โรคอีสุกอีใสอาการเป็นอย่างไร ติดต่อผู้อื่นได้หรือไม่

อีสุกอีใสมีอาการอย่างไร

โรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่พบบ่อยในเด็ก ได้รับการวิจัยว่าโรคอีสุกอีใสจะเกิดขึ้นในสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ในสภาพภูมิอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำมีความชื้นสูงก่อให้เกิดการเจริญเติบโตบางอย่างสำหรับไวรัส ในทางกลับกันภูมิคุ้มกันของเด็กจะลดลง โรคอีสุกอีใสเป็นโรคติดต่อได้ง่ายในเด็กที่มีภูมิต้านทานต่ำ แล้วโรคอีสุกอีใสอาการเป็นอย่างไรและควรดูแลอย่างไรเพื่อไม่ให้ทิ้งรอยแผลเป็น

ระยะของโรคอีสุกอีใส

โรคอีสุกอีใสมักพบมากในเด็กที่มีอายุ 1- 10 ปี อาการของโรคอีสุกอีใสสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะ

1.ระยะที่ 1 ระยะฟักตัว

โดยปกติใช้ระยะฟักตัวประมาณ 2-3 สัปดาห์อาการถึงปรากฏขึ้นหลังจากพ้นระยะฟักตัวไปแล้ว

2.ระยะที่ 2 คือระยะเริ่มต้น

อาการเริ่มต้นของโรคอีสุกอีใสอาจทำให้เริ่มปวดศีรษะมีไข้เบื่ออาหารและอาเจียน

3.ระยะที่ 3 ระยะออกผื่น

ระยะนี้จะปรากฏผื่นขึ้นตามร่างกายภายใน 24 ชั่วโมง และจะขึ้นเป็นตุ่มที่มีสีแดงรอบๆส่วนใหญ่จะปรากฏที่หน้าอกก่อน จากนั้นจึงจะขยายไปตามลำแข้ง แขนขาจนทั่วร่างกาย และแผลจะเริ่มแตกและตกสะเก็ดหลังจากผ่านไป 2-3 วัน สะเก็ดอีสุกอีใสที่หายเองตามธรรมชาติมักจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ หากตุ่มแตกก่อนที่จะตกสะเก็ดจะเกิดรอยแผลเป็นได้

เด็กที่ไม่มีภูมิคุ้มกันทางร่างกายจะทำให้อีสุกอีใสแพร่กระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากเชื้อไวรัส หรือการติดเชื้อในกระแสเลือด ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรดูแลอาการอย่างใกล้ชิด

โรคอีสุกอีใสสามารถติดไปยังผู้อื่นหรือไม่

คนส่วนใหญ่อาจคิดว่าโรคอีสุกอีใสเป็นเฉพาะในเด็ก แต่จริงๆแล้วผู้ใหญ่ที่ไม่เคยฉีดวัคซีนและไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อนก็มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคได้เช่นกัน เมื่อภูมิต้านทานในร่างกายต่ำลง หรือเคยได้รับวัคซีนในวัยเด็กแต่หลังจากเวลาผ่านไป แอนติบอดีของวัคซีนจะลดลงและง่ายต่อการติดเชื้อ อีสุกอีใสเป็นโรคที่สามารถติดต่อไปยังผู้อื่นได้ หากผู้ป่วยไอจามไม่กี่ครั้ง ผู้ที่มีภูมิต้านทานน้อยก็อาจติดเชื้อได้

ระยะเวลาการติดเชื้อของอีสุกอีใสคือ ตั้งแต่ 24 ชั่วโมงจนกระทั่งเริ่มมีผื่น โดยปกติจะใช้เวลา 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละคนด้วย หากพบว่าลูกเป็นโรคอีสุกอีใส พ่อแม่ควรให้ลูกลดการสัมผัสกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อหรือติิดต่อไปยังผู้อื่น

โรคอีสุกอีใสควรได้รับวัคซีนป้องกันหรือไม่

โรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ หลายคนจึงอาจสงสัยว่าจำเป็นต้องใช้วัคซีนหรือไม่ คุณหมอและผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า เด็กควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส เพราะนอกจากจะสามารถป้องกันเด็กติดเชื้อจากอีสุกอีใสได้แล้ว ยังสามารถป้องกันโรคอีสุกอีใสไม่ให้แพร่กระจายไปยังคนอื่นได้อีก

แหล่งอ้างอิง
mama.cn
baidu.com