ทำไมทารกมักมีไข้
การที่เด็กเป็นไข้เป็นการป้องกันร่างกายจากแบคทีเรียและไวรัส ตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม การที่ทารกมีไข้ จะมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน หากอุณหภูมิร่างกายของทารกสูงเกินไป จะทำให้ทารกรู้สึกอึดอัด กินไม่ได้ หรือนอนไม่หลับ ซึ่งจะทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้ยากขึ้น เรามาดูวิธีจัดการเมื่อลูกเป็นไข้กันค่ะ
เราจะทำอย่างไรหากทารกมีไข้
เชื่อว่าพ่อแม่หลายๆคนคงกังวลเป็นอย่างมากเมื่อลูกเป็นไข้ โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ และไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรก่อนดี เรามาดูวิธีจัดการเมื่อลูกเป็นไข้กันค่ะ
1.สวมเสื้อผ้าให้น้อยลงเพื่อระบายความร้อนให้กับเด็ก
ซึ่งหลายคนคิดว่าการห่มผ้าให้แน่นๆ หลายชั้นเพื่อทำให้เหงื่อออกจะช่วยลดไข้ ซึ่งจริงๆแล้ว เมื่อลูกเป็นไข้และมีอาการหนาวสั่น อาจจะเป็นเพราะตะคริว ที่เกิดจากความชื้นจากเหงื่อ
2.ระบายความร้อนจากร่างกาย ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
ประคบเย็นบริเวณหน้าผาก: โดยการใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆกับน้ำเย็นในอุณหภูมิ 20 ถึง 30 องศาเซลเซียส และวางบนหน้าผากเปลี่ยนทุก 3 ถึง 5 นาที
ประคบน้ำแข็งบนหน้าผาก: โดยการใส่ก้อนน้ำแข็งเล็กๆและน้ำปริมาณน้อยลงในถุงน้ำแข็ง ไล่อากาศออกจากถุง กดปากถุงให้แน่น และห่อด้วยผ้ากันน้ำรั่ว วางประคบบนหน้าผาก
เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น : โดยการเช็ดบริเวณศีรษะ ใต้วงแขน ด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมากๆ
3. กินน้ำให้เพียงพอ
การเติมน้ำให้กับร่างกายเป็นการเพิ่มออกซิเจน และเพิ่มการหายใจ ในช่วงที่มีไข้สูง และเหงื่อออกมากทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมาก ดังนั้น พ่อแม่จึงควรให้ลูกดื่มน้ำให้เพียงพอเมื่อมีไข้ เพื่อเพิ่มปริมาณปัสสาวะ และกระตุ้นการขับสารพิษออกจากร่างกาย
อาการเด็กมีไข้เป็นอย่างไร
จริงๆแล้วอุณหภูมิในร่างกาย ไม่ใช่ส่วนสำคัญที่สุดในการสังเกตโรคในเด็ก สำหรับทารกบางคน อาจมีไข้ 40 องศาเซลเซียส แต่ติดเชื้อไม่รุนแรง และบางคนมีอุณหภูมิต่ำกว่า 38 องศาเซลเซียสแต่กลับมีโรคร้ายแรงกว่า
เมื่อทารกมีไข้ผู้ปกครองควรสังเกต ใบหน้าและท่วงท่าของลูกดังต่อไปนี้
- เด็กร้องไห้ตลอดเวลาไม่ว่าใครจะมาปลอบโยนก็ไม่มีประโยชน์นอนหลับลึกและปลุกยาก
- หากมีคนเข้าไปสัมผัสเด็กจะร้องไห้ เนื่องจากอาการไม่สบายตัวอยู่แล้ว
- มีอาการกระตุกและตะคริวที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งมักจะปรากฏขึ้นที่แขนต้นขาและส่วนอื่นๆของร่างกาย
- อาการหมดสติ พฤติกรรมแปลกๆ เห็นหรือได้ยินสิ่งที่ไม่ดีไม่มีอยู่จริง
- เวลาหายใจมักมีเสียง
- ไม่สามารถกินอาหารใดๆได้ และน้ำลายไหลตลอด
- มักมีจุดแดงขึ้นตามตัว
- ผิวซีดหรือเข้มผิดปกติ
- ชีพจร เต้นเร็ว ซึ่งโดยปกติ เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี จะมีชีพจรมากกว่า 160 ครั้งต่อนาที เด็กอายุมากกว่า 1 ปี มีชีพจรมากกว่า 120 ครั้งต่อนาที
- แสบร้อนหรือปวดเมื่อยเมื่อถ่ายปัสสาวะ มีเลือดปนอุจจาระเมื่อท้องเสีย
อาการดังกล่าวข้างต้น คืออาการไข้ของทารกซึ่งอาจมีอาการพิเศษอื่นๆ ไม่ว่าทารกจะมีอุณหภูมิที่เท่าไหร่ แต่หากมีอาการดังกล่าวข้างต้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรค
สาเหตุที่ทารกมีไข้คืออะไร
สาเหตุที่ทารกเป็นไข้อาจมีได้หลายประการ ซึ่งสามารถแบ่งประเภทได้ดังนี้
1. อุณหภูมิของร่างกายเด็กได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมภายนอก เช่นการสวมเสื้อผ้ามากเกินไป การดื่มน้ำน้อยเกินไป หรือการขาดอากาศหมุนเวียนในห้องเมื่ออากาศร้อน
2. เจ็บป่วย เป็นหวัด หลอดลมอักเสบ คออักเสบ หรือโรคอื่นๆ เป็นต้น
3.เป็นไข้จากการฉีดวัคซีน ได้แก่โรคหัด อหิวาตกโรค โรคคอตีบ บาดทะยัก
หากเด็กมีไข้สูงอย่างกะทันหัน อาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากการติดเชื้อ จึงควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อวินิจฉัยให้ทันเวลา
อ้างอิง
**บทความนี้มีไว้เพื่อใช้อ้างอิงในการอ่านเท่านั้น หากคุณรู้สึกไม่สบาย ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที และการวินิจฉัยและการรักษาทางการแพทย์เพื่อผลที่ชัดเจนกว่า**
www.mama.cn